บทความ การฟอกสีฟันแบบ "Cool Light"

       การฟอกสีฟันด้วย Cool Light

การฟอกสีฟันด้วย Cool Light เป็นเทคโนโลยีทันสมัยที่ช่วยให้คุณมีรอยยิ้มที่ขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย โดยใช้แสง LED สีฟ้าที่มีความเข้มข้นต่ำในการกระตุ้นสารฟอกฟัน ทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ช่วยสลายคราบสีต่างๆ ที่ฝังแน่นบนผิวฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุของฟันเหลืองหรือคล้ำ

ขั้นตอนการฟอกสีฟันด้วย Cool Light

1. เตรียมความพร้อม: ทันตแพทย์จะทำความสะอาดฟันและขจัดคราบหินปูนออก เพื่อให้สารฟอกฟันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นจะใช้เครื่องมือป้องกันเหงือกและริมฝีปาก เพื่อไม่ให้สัมผัสกับสารฟอกฟัน

2. ทาสารฟอกฟัน: ทันตแพทย์จะทาเจลฟอกฟันที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ลงบนผิวฟัน

3. ฉายแสง Cool Light: ทันตแพทย์จะใช้เครื่องฉายแสง Cool Light ส่องไปที่ฟันเป็นเวลาประมาณ 20-30 นาที แสงจะช่วยกระตุ้นสารฟอกฟันให้ทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. ทำซ้ำ: ทันตแพทย์อาจทำซ้ำขั้นตอนการทาสารฟอกฟันและฉายแสงอีก 2-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับระดับความขาวที่ต้องการและสภาพฟันของแต่ละบุคคล

ข้อดีของการฟอกสีฟันด้วย Cool Light

• ฟันขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด: สามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้หลายเฉดสีภายในครั้งเดียว
• อ่อนโยนต่อฟันและเหงือก: แสง Cool Light มีความเข้มข้นต่ำ จึงไม่ทำให้เกิดความร้อนและระคายเคืองต่อฟันและเหงือก
• รวดเร็วและสะดวก: ใช้เวลาในการทำไม่นาน และสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ
• ผลลัพธ์ยาวนาน: ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและพฤติกรรมการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม

ข้อควรระวังและคำแนะนำ

• อาการเสียวฟัน: บางคนอาจมีอาการเสียวฟันระหว่างทำหรือหลังทำ ซึ่งมักจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
• ข้อจำกัด: การฟอกสีฟันด้วย Cool Light อาจไม่ได้ผลกับคราบสีบางชนิด เช่น คราบจากยาปฏิชีวนะ หรือคราบจากฟันตาย
• การดูแลหลังทำ: ควรงดอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง และน้ำอัดลม เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังทำ

สรุป

การฟอกสีฟันด้วย Cool Light เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่ต้องการมีฟันขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ หากคุณสนใจ สามารถปรึกษาทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและรับการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพฟันของคุณ